
ผลการค้นหา
พบ 87 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- บำรุงสมองให้เฟี้ยว! ยิ่งอายุมาก ยิ่งต้องดูแลสมอง
รู้สึกลืมนั่นลืมนี่ เบลอๆ เหมือนกดเซฟไม่ทัน? ไม่ต้องตกใจ เพราะงานวิจัยใหญ่ระดับประเทศของสหรัฐฯ บอกว่า...แค่ปรับไลฟ์สไตล์นิดหน่อย ก็ช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้แล้ว! งานวิจัย US POINTER ศึกษาคนวัย 60–79 ปี ที่เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม พบว่า...ชีวิตเปลี่ยนได้แค่ใช้สูตร 5 ข้อนี้! 🍓 ขยับร่างวันละนิด : เดินเร็ว เต้นเบาๆ หรือยืดเส้นวันละ 30 นาที แค่ให้หัวใจเต้นแรงขึ้นก็พอ 🥬 กินฉลาดแบบ MIND diet : กินผัก ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ น้ำมันมะกอกทุกวัน จำกัดของทอด เนื้อแปรรูป ชีส และขนม แต่ยังมีขนมได้ 4 วันต่อสัปดาห์! 💓 รู้จักตัวเลขสุขภาพ : วัดความดัน น้ำตาลในเลือดเป็นประจำ จะได้รู้ทันตัวเอง 🧩 เล่นเกมลับสมอง : ใช้แอปฝึกสมองเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้สมองฟิต 💬 เข้าสังคมบ้าง อย่าหมกตัว! : คนที่เข้าสังคมมากขึ้น จะรู้สึกมีพลัง สดใส และสมองทำงานดีขึ้น ข่าวดีคือ...แม้กลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมแน่นๆ ก็ยังเห็นผลดีขึ้น แสดงว่า...คุณเองก็เริ่มต้นได้ง่ายๆ แค่ลงมือทำ! จำไว้ว่า...สุขภาพสมองไม่ใช่เกมสั้นๆ แต่คือเกมยาวๆ ที่เราลงเล่นทุกวันแบบมีสไตล์ Source: https://www.cnn.com/2025/07/28/health/cognitive-decline-pointer-study-wellness
- 7 เคล็ดลับสุขภาพดีแบบง่ายๆ ที่เอาชนะกรรมพันธุ์ได้!
คิดว่าโรคต่างๆ มาจากกรรมพันธุ์ล้วนๆ เหรอ? ไม่จริงเลย! งานวิจัยใหม่บอกชัดว่า แค่คุณปรับไลฟ์สไตล์ให้ดีขึ้นอีกนิด ก็สามารถลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังได้ แม้จะมีพันธุกรรมที่ไม่เป็นใจ 😎 รู้จัก “Life’s Simple 7” สูตรสุขภาพดีของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน แค่ทำตาม 7 ข้อนี้ก็เปลี่ยนชีวิตได้แล้ว! ไม่สูบบุหรี่ (รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าด้วยนะ) กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม คุมความดันให้ดี คุมน้ำตาลในเลือด คุมไขมันให้สมดุล แม้จะทำได้แค่ 3 ข้อ ก็ลดโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจได้เยอะมาก (โดยเฉพาะถ้าใครมีกรรมพันธุ์ที่เสี่ยง) ไม่ใช่แค่หัวใจที่ได้ประโยชน์ งานวิจัยนี้พบว่า พฤติกรรมสุขภาพดีช่วยทั้งร่างกายเลย! เพิ่มคะแนน 1 ข้อ = ลดเสี่ยงสมองเสื่อม 11% เพิ่มคะแนน 1 ข้อ = ลดเสี่ยงโรคตา 6% เพิ่มคะแนน 1 ข้อ = ลดเสี่ยงไขมันพอกตับ 23% เพิ่มคะแนน 1 ข้อ = ลดเสี่ยงไตเรื้อรัง 11% แค่เปลี่ยนเล็กๆ เช่น ขยับตัวให้มากขึ้น ดื่มน้ำหวานน้อยลง หรือกินผักผลไม้เยอะขึ้น — ก็คือก้าวที่ยิ่งใหญ่แล้ว! เพิ่ม “ข้อที่ 8” เข้าไปอีก ตอนนี้ “Life’s Simple 7” กลายเป็น “Life’s Essential 8” เพราะเพิ่ม “การนอนหลับ” เข้ามาเป็นฮีโร่คนใหม่ ผู้ใหญ่ควรนอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืน ร่างกายจะได้ซ่อมแซมเต็มที่ทั้งสมอง หัวใจ และอารมณ์ ทิปส์ง่ายๆ ที่ทำได้เลย เน้นอาหารพืช: ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช เลือกโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ปลา เดิน เต้น ขุดดิน ปลูกต้นไม้ — แค่ขยับตัวก็พอ นอนให้พอ ลดมือถือก่อนนอน จำไว้นะ ไม่ว่าคุณจะวัยไหน อยู่จุดไหนในชีวิต ก็เริ่มดูแลตัวเองได้เสมอ ❤️ สุขภาพดีเริ่มได้วันนี้ และทุกก้าวเล็กๆ มีความหมาย Source: https://www.cnn.com/2025/07/16/health/heart-health-whole-body-wellness
- ก้าวให้เร็วขึ้น นิดเดียว…แต่ดีต่อสุขภาพมาก!
แค่เดินให้เร็วขึ้นวันละนิด…ก็มีพลังเพิ่มขึ้นอีกเพียบ! จากงานวิจัยล่าสุด พบว่าหากผู้สูงอายุเดินเร็วขึ้นแค่ 14 ก้าวต่อนาที จะสามารถเพิ่มศักยภาพร่างกายได้ถึง 10% เลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย เคลื่อนไหวช้าลง หรือรู้สึกว่าแรงน้อยกว่าที่เคย เดิน = ออกกำลังกายแบบไม่ต้องเข้ายิม การเดินช่วยให้เรา: แข็งแรงขึ้น เคลื่อนไหวคล่องตัว 💪 ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ❤️ ควบคุมน้ำหนักได้ดี ⚖️ มีชีวิตชีวา ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง 🧍♀️ เคล็ดลับเดินให้ปัง: ใช้แอปเมโทรโนมหรือเพลงจังหวะเร็ว ช่วยกำหนดจังหวะเดิน ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วทีละ 5–10 ก้าวต่อนาที เดินหลังตรง แกว่งแขนให้ดี เพราะการเดินเป็นการใช้ร่างกายทั้งตัว! ฝึกหายใจผ่านจมูก – สูดหายใจเข้า ทางจมูก ผ่อนออกทางปาก ช่วยลดความดันโลหิตและทำให้จังหวะหัวใจสมดุลขึ้น วันละ 5 นาทีก็เวิร์ก! การเดินแค่วันละ 5 นาทีก็มีผลดีต่อสุขภาพแล้ว ไม่ต้องเร็วเว่อร์หรือเดินไกลเหมือนนักกีฬา เป้าหมายคือแค่ “ขยับให้มากขึ้น” เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมยัง? ใส่รองเท้าคู่โปรด เปิดเพลงที่ชอบ แล้วเริ่มต้นก้าวไปสู่สุขภาพที่แข็งแรงกว่าเดิมกันเลย! Source: https://www.cnn.com/2025/07/16/health/walking-cadence-mobility-speed-endurance-wellness
- ผู้หญิงแข็งแรงกว่าที่คิด! ทำไมร่างกายผู้หญิงถึงอยู่รอดได้นานกว่าผู้ชาย?
ใครว่าเพศหญิงอ่อนแอ? ลืมไปได้เลย! งานวิจัยล่าสุดชี้ชัดว่า...ร่างกายของผู้หญิง “สร้างมาเพื่อเอาตัวรอด” อย่างแท้จริง! ไม่ใช่แค่เรื่องลูก ๆ และครอบครัว แต่หมายถึงระดับชีวภาพลึก ๆ ที่ทำให้ผู้หญิงมีอายุยืนและต้านทานโรคได้มากกว่าผู้ชายในแทบทุกสถานการณ์ พลัง X2 จากโครโมโซม ร่างกายผู้หญิงมีโครโมโซม X สองชุด (ในขณะที่ผู้ชายมีเพียงหนึ่ง) ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงมีสารพันธุกรรมที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้มากกว่า เป็นเหมือนอาวุธลับที่ร่างกายซ่อนไว้! เอสโตรเจน ฮอร์โมนสายบู๊ ฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ได้มีดีแค่เรื่องผู้หญิงเท่านั้นนะ มันยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้พร้อมรับมือกับไวรัสและแบคทีเรียอย่างเต็มกำลัง สตรองแม้วันเหนื่อย ๆ ตั้งแต่การมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ ไปจนถึงการเลี้ยงลูก — ร่างกายผู้หญิงเผชิญกับความเครียดมานักต่อนัก และยังฟื้นตัวได้ดี นี่แหละ “พลังแม่” ของจริง ลำไส้ก็มีบทบาท! นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ลำไส้เล็กของผู้หญิงยาวกว่าของผู้ชาย ช่วยให้ดูดซึมสารอาหารได้มากกว่า เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับการเอาตัวรอดในสไตล์หญิงแกร่ง แล้วผู้ชายล่ะ? ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (ที่ทำให้กล้ามโต) ก็มีด้านลบ เพราะมันไปลดการทำงานของภูมิคุ้มกัน แถมผู้ชายยังมีพฤติกรรมเสี่ยงมากกว่า เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และไม่ชอบไปหาหมอ...พูดได้ว่าอยู่แบบ “แรง ๆ แต่อายุสั้น” สุขภาพผู้หญิงคือพลังที่ควรเฉลิมฉลอง ไม่ใช่แค่ทนได้ แต่ “แข็งแรงจริง” และยืดหยุ่นสุด ๆ ดูแลตัวเองต่อไปด้วยอาหารดี ๆ 🍇การเคลื่อนไหวทุกวัน 🚶♀️ตรวจสุขภาพเป็นประจำ Source: https://www.cnn.com/2025/07/07/health/female-body-longevity-wellness
- การออกกำลังกายให้ตรงบุคลิก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
เบื่อกับยิมหรือวิ่งคนเดียวจังเลย? เคล็ดลับให้หันมาติดการออกกำลังกายได้อาจไม่ใช่ “ประเภท” ของการออกกำลังกาย แต่เป็น “สไตล์” ที่เหมาะกับบุคลิกของเราเอง! งานวิจัยใน Frontiers in Psychology บอกว่า... คนชอบเข้าสังคม (Extroverts) ชอบคลาสออกกำลังกายเข้มข้น หรือเล่นกีฬาทีมเพราะมีคนรอบข้างและบรรยากาศสนุก คนที่ไวกับความเครียด (Neuroticism สูง) ชอบออกกำลังกายแบบเงียบ ๆ ที่บ้าน ทำเบา ๆ มีพักบ่อย ไม่อยากให้ใครเห็น คนละเอียดรอบคอบ (Conscientious) ชอบออกกำลังกายตามแผนที่ชัดเจน ครบทุกส่วน ทั้งคาร์ดิโอและเวท ตรงนี้แหละจุดเปลี่ยน! ถ้าเลือกสไตล์ที่เหมาะกับตัวเอง เราจะได้สนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น และเมื่อทำไปเรื่อย ๆ ผลลัพธ์ก็เกินคาด และผู้ที่กังวลง่ายพบว่าความเครียดลดลงอย่างชัดเจนหลังทำออกกำลังกายที่บ้านแบบเบา ๆ เป็นประจำ 🎉 เพราะผู้คนทั่วโลกน้อยมากที่ออกกำลังกายครบ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ลองเลือกทางที่ใช่สำหรับคุณ จะติดง่ายขึ้นเยอะ! Source: https://www.cnn.com/2025/07/08/health/personality-type-enjoy-exercise-intl-scli-wellness
- หายใจให้เป๊ะ แล้วชีวิตจะเปลี่ยน!
เคยรู้สึกคอยตึง ไหล่ติด หรือเกร็งล้าหลังตื่น? หายใจอาจเป็นตัวการเดิมนี่แหละ! หายใจแบบตื้นๆ ที่เกิดจากความเครียด จะทำให้เราใช้กล้ามเนื้อผิดจังหวะ กลายเป็นอาการปวดคอ หลัง และท่าทางพังก์ ซึ่งมันก็วนลูปอยู่แบบนั้นไม่สะดุด แต่คุณรู้ไหม แค่ปรับวิธีหายใจนิดเดียว คุณก็สามารถเปลี่ยนทั้งร่างกาย ให้เคลื่อนไหวดีขึ้นอย่างรู้สึกได้ หายใจดี—ช่วยอะไรบ้าง? พอเครียด หรือจ้องหน้าจอมากเกิน พวกเรามักหายใจตื้นจากหน้าอกตอนบน กล้ามเนื้อหลักอย่างกระบังลมกลายเป็นหยุดทำงาน—ทำให้คอ ไหล่ และหลังต้องรับหน้าที่แทน ผลคือ หัวคอตั้ง, ซี่โครงแข็ง, แผ่นหลังตึง, ท่าทางก็ง่อย และแน่นอน—เจ็บเกรงไปหมด หยุดวงจรนี้ได้ง่ายๆ แค่เริ่มจากลมหายใจครับ! ทดสอบหายใจแบบง่ายๆ นอนหงาย งอเข่า มือวางที่ซี่โครงล่าง หายใจช้าๆ สังเกตจังหวะที่ซี่โครงขยับ ถ้ารู้สึกตึงที่คอหรือไหล่ แสดงว่าคุณยังหายใจผิดจังหวะ 🔑 อย่าเน้นกลั้นหรือบีบพุง! หายใจให้ซี่โครงคลายและเคลื่อนไหว ระดับลมมันจะสะท้อนว่าร่างกายใช้กระบังลมอย่างถูกวิธี ท่า “4‑8‑2” หายใจเยียวยา หายใจเข้า 4 จังหวะ หายใจออกช้า 8 จังหวะ หยุดพัก 2 จังหวะ ทำ 10–12 รอบทุกวัน วิธีนี้ช่วยฟื้นการทำงานของกระบังลม ช่วยสมองสงบ และเสริมความยืดหยุ่นให้ร่างกายแบบง่ายๆ ผสานหายใจกับการเคลื่อนไหว ก่อนออกกำลัง : หายใจให้หลัง-ลำตัวตรง กระชับแกนกลาง ตอนยกน้ำหนัก : หายใจออกตอนออกแรง ล็อกแกนกลางแล้วปกป้องหลัง ตอนยืดกล้ามเนื้อ : สูดเพื่อสร้างพื้นที่ ขยับเข้าไปลึกขึ้นตอนผ่อน หลังออกกำลังกาย : จบด้วยลมหายใจช้าเซต 2:1 เพื่อกระตุ้นระบบผ่อนคลาย ลมหายใจไม่ใช่แค่เรื่องออกซิเจน เดี๋ยวเดียวมันเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวของคุณได้ หายใจให้ถูกที่ถูกทาง แล้วเตรียมพบกับท่าทางดีขึ้น อาการปวดหาย และชีวิตประจำวันปลอดโปร่งสบาย! Source: https://www.cnn.com/2025/07/07/health/female-body-longevity-wellness
- โรคหัวใจที่ยังคงเป็นภัย
ผ่านไป 50 ปี ยอดผู้เสียชีวิตจากหัวใจวายลดลงถึงเกือบ 90% 🎉แต่นั่นไม่ใช่ตอนจบของเรื่องราว… เพราะโรคหัวใจอื่น ๆ กลับพุ่งขึ้นเงียบ ๆ 😱 อย่างเช่น: หัวใจล้มเหลว (Heart Failure) หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) โรคหัวใจจากความดันสูง ทั้งหมดนี้เพิ่มขึ้นกว่า 80% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา! ทำให้แม้เราจะมีชีวิตยืนขึ้น...แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ “แข็งแรง” ขึ้นนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? กินอาหารแปรรูปเยอะเกิน ใช้ชีวิตนั่งมากกว่าขยับ โรคอ้วน เบาหวาน และความดันสูงเพิ่มขึ้นหนักมาก แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ข่าวร้ายทั้งหมดนะ เพราะเรา “ป้องกัน” โรคเหล่านี้ได้ ตั้งแต่วันนี้เลย 5 วิธีง่ายๆ ให้หัวใจแข็งแรงขึ้น: ขยับตัวบ่อยขึ้น เดินไว 10 นาทีก็ได้ผล เลือกกินอาหารดี ๆ ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช กำลังมาแรง ลดแอลกอฮอล์กับบุหรี่ เพราะหัวใจไม่ชอบ พักผ่อน จัดการความเครียด หายใจลึกๆ ยืดเส้นยืดสาย เช็กความดันเป็นประจำ ยิ่งรู้ไว ยิ่งแก้ไขได้เร็ว อายุยืนไม่พอ ต้อง “แข็งแรงและมีความสุข” ด้วยนะ ❤️เริ่มวันนี้ ไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน! Source: https://www.cnn.com/2025/06/25/health/heart-death-risks-change-wellness
- บอกลา ไขมันพุงลึก! รู้จักตัวการแอบซ่อนในร่างกาย พร้อมวิธีจัดการแบบง่ายๆ และสนุก
บางครั้งเรามองไม่เห็น แต่ “ไขมันพุงลึก” (Visceral Fat) กำลังแอบสะสมอยู่รอบๆ อวัยวะสำคัญของเรา เช่น ตับ หัวใจ และไต มันคือตัวร้ายที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย เสี่ยงเบาหวาน หัวใจ และโรคสมองเสื่อม! แต่ไม่ต้องตกใจนะ เพราะแค่ปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยจัดการมันได้แล้ว ไขมันพุงลึกคืออะไร? ไม่ใช่แค่คนอ้วนเท่านั้นที่มี! แม้จะผอมแต่ถ้ามีไขมันซ่อนอยู่มาก ก็เสี่ยงได้เหมือนกัน เพราะมันสะสมอยู่ลึกๆ ไม่ใช่แค่หน้าท้องที่เราเห็นภายนอก จะรู้ได้ไงว่ามีไขมันพุงลึก? วัดรอบเอว: ถ้าผู้หญิงเกิน 35 นิ้ว ผู้ชายเกิน 40 นิ้ว เริ่มเสี่ยง รู้สึกว่ามีไขมันมากกว่ากล้ามเนื้อ กินอาหารแปรรูปบ่อย ไม่ค่อยขยับตัว วิธีลดไขมันพุงลึกแบบยั่งยืน 1. ขยับให้มากขึ้น เดินเร็ว เต้น เล่นกีฬา ว่ายน้ำ หรือแม้แต่เดินขึ้นบันได ล้วนช่วยเผาผลาญไขมันได้เพิ่มเวทเทรนนิ่ง เช่น วิดพื้น ยกน้ำหนัก จะช่วยเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงอีกด้วย 2. ปรับการกิน เน้นผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ไขมันดี ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล ไขมันทรานส์ ลองสไตล์ Mediterranean — อร่อย สุขภาพดี และเป็นมิตรกับลำไส้! 3. ลองกินแบบจำกัดเวลา เช่น กินภายใน 8 ชั่วโมงต่อวัน (กิน 11 โมง – หยุดตอน 1 ทุ่ม) แล้วปล่อยให้ร่างกายพัก 16 ชั่วโมงเพื่อเผาผลาญไขมัน 4. อย่าลืมนอนให้พอ ดื่มน้ำ และพักใจ นอนหลับให้ดี ดื่มน้ำเยอะๆ และหาวิธีคลายเครียด เช่น เล่นโยคะ เดินเล่น สูดอากาศสดชื่น — ทั้งหมดนี้ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้นแน่นอน! ไขมันพุงลึกอาจน่ากลัว แต่ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้! แค่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เราทำได้ทุกวัน ร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรง สดใส และอ่อนวัยอีกครั้ง ❤️ Source: https://www.cnn.com/2025/06/23/health/belly-fat-long-life-wellness
- กระดูกแข็งแรง ชีวิตแฮปปี้! แค่โฟกัสที่ความแข็งแรง
ลืมเรื่องน้ำหนักไปก่อน! เพราะสุขภาพดีไม่ได้วัดจากตัวเลขบนตาชั่ง แต่เริ่มต้นจาก "กระดูกและข้อแข็งแรง" ที่พาเราใช้ชีวิตได้เต็มที่ ทำไมกระดูกกับข้อถึงสำคัญ? กระดูกเราจะหนาแน่นที่สุดตอนอายุประมาณ 30 ปี แล้วจะค่อย ๆ บางลงตามวัย แต่! ไม่สายเกินไปที่จะเริ่มดูแลวันนี้ เพราะกระดูกแข็งแรง = ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระในอนาคต ท่าออกกำลังง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง กระโดดเชือกเบา ๆ หรือจะย่อเข่าก็ได้ ฝึกยืนขาข้างเดียวตอนแปรงฟัน ยกของ (ถุงช้อปปิ้งก็ได้!) มีปัญหาเข่า? เปลี่ยนเป็นเวทเทรนนิ่งเบา ๆ หรือว่ายน้ำก็เยี่ยมแล้ว แคลเซียมคือเพื่อนรักของกระดูก อย่าลืมกินผักใบเขียวอย่างปวยเล้ง บ็อกชอย ปลาซาร์ดีน นม หรือนมพืชที่มีแคลเซียมเสริม และอย่าลืม "วิตามินดี" ช่วยพาแคลเซียมซึมเข้ากระดูกได้ดีขึ้น! ข่าวดีสำหรับคอกาแฟ กาแฟไม่ใช่ศัตรู ถ้าไม่เกินวันละ 2-3 แก้ว แถมถ้าเติมนมลงไป ยังได้แคลเซียมอีกต่างหาก ใส่อบเชยด้วยยิ่งดีเพราะช่วยลดการอักเสบ กินแบบต้านอักเสบ ช่วยให้ข้อไม่ปวด น้ำมันมะกอก ถั่ว เมล็ดเจีย ขิง ขมิ้น พริกไทย ผักผลไม้หลากสี ลดอาหารทอด เนื้อแปรรูป และแป้งขัดขาว จำไว้ว่าเรื่องเล็ก ๆ ทำได้ทุกวัน จะสะสมเป็นสุขภาพดีในระยะยาว เริ่มขยับวันละ 10 นาที กินอาหารดี ๆ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูแลกระดูกและข้อให้แข็งแรงไปนาน ๆ สุขภาพดี ไม่ได้อยู่ที่เลขบนตาชั่ง แต่อยู่ที่คุณลุกนั่ง ยืนเดิน ใช้ชีวิตได้เต็มที่หรือเปล่า! มาเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้กันเลย Source: https://www.cnn.com/2025/06/20/health/strength-mobility-questions-answered-wellness
- กินยังไงให้สุขภาพดีและแฮปปี้ทั้งใจทั้งกาย
ลดแคลอรีเยอะเกินไป…อาจทำให้เครียดมากกว่าผอม! ใครที่กำลังลดน้ำหนักแบบคุมแคลหนัก ๆ ฟังทางนี้! งานวิจัยใหม่เผยว่า การควบคุมอาหารแบบเข้มงวดเกินไป โดยเฉพาะแบบ “ลดแคล” อย่างจริงจัง อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการซึมเศร้าได้ แทนที่จะผอมอย่างสุขภาพดี อาจกลายเป็นเหนื่อยง่าย เครียดบ่อย และไม่สดใส งานวิจัยจากวารสาร BMJ Nutrition, Prevention & Health พบว่าคนที่จำกัดแคลอรีมีแนวโน้มมีภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนที่ไม่ไดไดเอท โดยเฉพาะกลุ่มที่มีน้ำหนักเกินจะได้รับผลกระทบทางอารมณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วเราควรทำยังไงดี? คำตอบคือ…เลิกไดเอทแบบทรมาน แล้วหันมากินแบบมีสติและสมดุลกันดีกว่า! เคล็ดลับกินให้ดี อารมณ์ก็ดีตาม: กินแบบมีสติ (Mindful Eating) : ฟังเสียงร่างกาย กินเมื่อหิว หยุดเมื่ออิ่ม ไม่ติดป้าย “อาหารดี” หรือ “อาหารแย่” : มองอาหารเป็นเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู เน้นคุณค่า ไม่เน้นโทษ กินให้เป็นเวลา : ร่างกายจะได้ไม่หิวแบบโยน ๆ โหย ๆ เลือกอาหารที่ช่วยเพิ่มความสุข : ปลาแซลมอน โยเกิร์ต กิมจิ คือเพื่อนแท้ของสุขภาพจิตและลำไส้! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : นักโภชนาการสามารถช่วยวางแผนการกินที่ดีต่อใจและใช้ได้จริง ไม่ต้องลดเยอะ แค่เลือกกินให้ถูก กินให้พอดี แล้วชีวิตจะดีทั้งร่างกายและหัวใจ! Source: https://www.healthline.com/health-news/low-calorie-diets-depression-risk-healthy-eating-habits#Foods-to-improve-your-mood
- อายุก็แค่ตัวเลข! เคล็ดลับอายุยืน อยู่ที่การ “ขยับให้มากขึ้น”
อายุเพิ่มขึ้นไม่ใช่ข้ออ้างที่จะอยู่นิ่งๆ! การเคลื่อนไหวคือเคล็ดลับของการแก่แบบสุขภาพดี อยู่ดี มีพลัง แถมยังสดใสกว่าเดิมอีกด้วย! ทำไมคุณควร “ขยับ” มากขึ้น? แข็งแรงจากภายใน การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ และมะเร็งบางชนิดได้ สมองใส ความจำเป๊ะ การเคลื่อนไหวช่วยกระตุ้นสมอง เพิ่มสมาธิ และลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ อารมณ์ดีทั้งวัน เมื่อเราออกกำลังกาย สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขที่ช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้าได้ มิตรภาพดีๆ จากการขยับ ไปเดินเล่นกับเพื่อน เข้าคลาสเต้น หรือทำกิจกรรมร่วมกัน สนุกและมีกำลังใจเพิ่มขึ้นแน่นอน! นอนหลับสบาย ไม่ต้องนับแกะ เมื่อร่างกายได้ใช้งาน ก็พร้อมสำหรับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ วิธีง่ายๆ ในการขยับตัว เดินรอบบ้าน เดินเล่นที่สวน เข้าคลาสโยคะ เต้น หรือรำไทย ทำสวน หรือทำงานบ้านเบาๆ ฝึกทรงตัว เช่น ยืนขาเดียว หรือรำไทชิ ยกดัมเบลเบาๆ หรือใช้ยางยืดเพิ่มความแข็งแรง อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะ! คำแนะนำ: ปรึกษาคุณหมอก่อนเริ่มกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยและเหมาะสมกับสุขภาพของคุณ การมีอายุยืนเริ่มต้นง่ายๆ แค่ “ขยับ” อย่างมีความสุข สุขภาพดี ใจก็สดใส แล้วจะรออะไรล่ะ ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวกันเลย! Source: https://www.retirementconcepts.com/the-importance-of-active-living-for-seniors/
- ปรับโซเดียมให้พอดี โดยไม่ต้องลดความอร่อย
ทุกคนรู้ว่า "ความเค็ม" ทำให้รสชาติปัง! ไม่ว่าจะเป็นขนมกรอบ เนื้อย่าง หรือซุปหอม ๆ รสเค็มคือฮีโร่ที่ทำให้ทุกคำอร่อยขึ้นทันตา แต่... ความจริง (ที่แอบขม!) ก็คือ พวกเรากินโซเดียมกันเกินไป! โซเดียมเยอะ เสี่ยงสูง กรมอนามัยโลก WHO แนะนำว่า ควรกินเกลือน้อยกว่า 5 กรัมต่อวัน (หรือโซเดียมประมาณ 2000 มิลลิกรัม) แต่ส่วนใหญ่...เกินไปเยอะ!ซึ่งเสี่ยงทำให้เกิดความดันสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองได้ แต่ข่าวดีคือ...เราสามารถลดโซเดียม โดยไม่ต้องลดความอร่อย! รสอร่อยยังอยู่ แค่ต้องใช้เทคนิคใหม่ ใช้ รสอูมามิ และ โคคูมิ เพิ่มความกลมกล่อมโดยไม่ต้องพึ่งเกลือ ใช้ เทคโนโลยีหมัก เพื่อสร้างทางเลือกจากโพแทสเซียม ใช้ ไมโครคริสตัลซอลต์ ที่ละลายไว ให้ความเค็มเร็วขึ้นแม้ใช้ปริมาณน้อย แต่ละเมนู ต้องมีกลยุทธ์เฉพาะ! ขนม เบเกอรี่ ซอส หรือเนื้อแปรรูป—แต่ละอย่างต้องใช้สูตรต่างกันการลดโซเดียมให้ได้ผล ต้องรู้จัก "จูนรส" ให้ลงตัว ลดเค็มได้ โดยไม่ลดความฟิน ถ้าคุณเป็นคนรักรสชาติ แต่ก็รักสุขภาพ—เรามาถูกทางแล้วเพราะวันนี้ นวัตกรรมรสชาติช่วยให้คุณอร่อยได้แบบใจไม่เจ็บ! ลดเค็มแบบฉลาด ชีวิตก็เบา หัวใจก็แฮปปี้ 💖 Source: https://khni.kerry.com/trends-and-insights/ten-key-health-and-nutrition-trends-of-this-year/#sodium











